หันมุมไหนกรอบหน้าก็ไม่ชัด ถ่ายรูปกี่ครั้งใบหน้าก็ดูไม่มีมิติ หากเจอปัญหาแบบนี้บางทีการลิฟกรอบหน้าก็ถือเป็นหัตถการที่พร้อมแก้ปัญหาและตอบโจทย์ใครหลาย ๆ คน แล้วการลิฟกรอบหน้าคืออะไร มีอันตรายไหม จะเห็นผลภายในกี่วัน แล้วใครบ้างที่เหมาะกับการลิฟกรอบหน้า ไม่ว่าจะคำถามใดทางรมย์รวินท์คลินิกก็มีคำตอบให้กับคุณค่ะ วันนี้จึงอยากชวนมารู้จักกับการลิฟกรอบหน้า และสาระดี ๆ ที่ควรรู้มากมาย ที่ต้องขอบอกว่าใครอยากปัง กรอบหน้าชัด ต้องห้ามพลาด!
การฉีดโบท็อกลิฟหน้า คืออะไร
การฉีดโบท็อกลิฟหน้า (Lifting Botox) คือการฉีดโบท็อกหรือชื่อเต็ม ๆ ว่าสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ(Botulinum Toxin Type A) เพื่อยกกระชับหรือลิฟติ้งใบหน้า เหนียง คอ ให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับ มีความเรียวแบบวีเชฟมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อย ลดรอยพับได้อีกด้วย ซึ่งการฉีดจะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
การฉีด Botox Lift กรอบหน้า มีหลักการทำงานอย่างไร
โดยการฉีดโบท็อกซ์กรอบหน้าจะเป็นการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ หรือโบท็อกซ์ลงในผิวชั้นตื้น ทำให้มีลักษณะเป็นตุ่มเหมือนไข่ปลาตามบริเวณผิวกรอบหน้า กราม คาง และคอ ซึ่งโบท็อกซ์ออกจะเข้าไปฤทธิ์ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายกล้ามเนื้อ จึงทำให้ช่วยยกกระชับผิว กรอบหน้าดูเรียวชัดมีมิติมากขึ้น โดยจะเห็นผลทันทีหลังจากฉีดลิฟกรอบหน้า
เทคนิคในการฉีดลิฟกรอบหน้า
สำหรับเทคนิคในการฉีดลิฟท์กรอบหน้ามีด้วยกัน 2 เทคนิค ดังต่อไปนี้
Dermo Lift : เป็นการลิฟกรอบหน้า ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลงไปในชั้นผิวตื้น บริเวณแนวกรอบหน้าด้านบน เพื่อยกกระชับผิว ทำให้กรอบหน้าชัดดูมีมิติมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียง 1-2 เดือน และไม่ควรทำบ่อยเพราะอาจทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ได้
Nefertiti Lift : เป็นการลิฟกรอบหน้า ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลงไปในกล้ามเนื้อพลาทีสมา (Platysma Muscles) บริเวณลำคอ เพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อตั้งแต่คางไปจนถึงไหปลาร้าไม่ให้หย่อนคล้อยไปตามอายุที่มากขึ้น ทำให้กรอบหน้าเรียวชัด และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึงประมาณ 3-4 เดือนค่ะ
ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าดีไหม? อันตรายหรือเปล่า?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการฉีดโบลิฟกรอบหน้าเป็นหัตถการยกกระชับ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยอีกหนี่งหัตถการที่ได้รับความนิยมไม่แพ้หัตถการยกกระชับประเภทอื่น ๆ อย่าง Hifu หรือแม้กระทั่ง Ulthera เพราะโบท็อกมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคาให้คนไข้ได้เลือกตามความต้องการ ตามงบประมาณของตนเอง และจริง ๆ แล้วการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่ต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นแพทย์จริง สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ผ่านเว็บไซต์แพทยสภา ใช้โบท็อกของแท้ได้มาตรฐาน ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่พึงพอใจ ไม่เกิดผลอันตรายข้างเคียง
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า
การฉีดโบลิฟกรอบหน้าจะช่วยให้ผลลัพธ์หลังทำในบริเวณต่าง ๆ อย่างบริเวณใบหน้า เหนียง ลำคอ ดูมีความยกกระชับมากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดรอยพับทำให้ผิวมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเมื่อผลลัพธ์แสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ จะยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงบริเวณกรอบหน้าว่ามีมิติ กรอบหน้าดูคมชัดสวยใบหน้าเรียวมากขึ้นด้วยค่ะ เห็นผลลัพธ์และประโยชน์ของการฉีดโบลิฟกรอบหน้าแบบนี้แล้ว ใครที่อยากให้ผิวดูยกกระชับ แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยต้องลองแล้วค่ะ
ฉีดโบลิฟกรอบหน้า เหมาะกับใคร
สำหรับผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบลิฟกรอบหน้า มีดังต่อไปนี้
ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวให้ใบหน้าดูเรียว
เพิ่มมิติให้กับใบหน้า เพื่อให้กรอบหน้า โครงหน้าดูมีความชัดมากยิ่งขึ้น
ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณใบหน้า เหนียง และลำคอ
ลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล
การฉีดโบลิฟกรอบหน้าจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงว่าเกิดการยกกระชับขึ้นหลังฉีดประมาณ 3-4 วัน และเมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นทั้งกรอบหน้าที่ดูคม ดูมีมิติ ดูมีความชัดเจน รวมไปถึงผิวที่หย่อนคล้อยมีความยกกระชับ
โบท็อกลิฟกรอบหน้า ยี่ห้อไหนดี?
ก่อนที่จะไปฉีดโบลิฟกรอบหน้ากันอย่างจริงจัง เรามารู้จักกันก่อนว่ายี่ห้อโบท็อกที่มีอยู่ในไทยมียี่ห้ออะไรบ้างที่ผ่านมาตรฐานของอย. และแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง
Allergan : Botox จากอเมริกาที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% อยู่ได้นาน 5-6 เดือน ทำให้ได้รับความนิยมในการนำมาฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกริ้วรอย ลิฟกรอบหน้า หรือแม้กระทั่งการฉีดโบท็อกกรามเป็นต้น
XEOMIN : หากใครกำลังมองหาโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์ ลดโอกาสการดื้อยา อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน แนะนำยี่ห้อนี้จากประเทศเยอรมันที่เคลมว่ามีโอกาสดื้อโบน้อย ด้วยจุดเด่นเป็นโบท็อกมีความบริสุทธิ์สูง
Dysport : เป็นโบท็อกจากประเทศอังกฤษที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับยี่ห้ออื่น ทั้งในประสิทธิภาพหลังการฉีด สำหรับตัวนี้จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
NABOTA : หากกำลังมองหาโบท็อกเกาหลีที่มีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์ไว อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน แถมราคาสุดปังต้องยี่ห้อนี้ เพราะนอกจากจะราคาดีผลลัพธ์ก็เริ่ดแล้ว ยังเป็นยี่ห้อแรกจากเกาหลีใต้ที่ได้รับการรับรองจาก USFDA (U.S. Food and Drug Administration) อีกด้วย
Aestox : โบท็อกยี่ห้อจากประเทศเกาหลีใต้ที่ราคาไม่แรงจนเกินไป สวยได้ไม่แพ้กับยี่ห้ออื่น ๆ ที่สำคัญได้รับการรับรองมาตรฐานจาก KFDA (Korea Food & Drug Administration) และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
HUGEL : เป็นโบท็อกเกาหลีที่มีผู้ผลิตเดียวกันกับยี่ห้อ Aestox จึงทำให้มีจุดเด่นในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่แรงจนเกินไป แถมยังให้ผลลัพธ์ที่ดีถูกใจอีกด้วย
Botulax : นอกจาก Hugel แล้วยังมี Botulax ที่เป็นโบท็อกที่มีผู้ผลิตเดียวกันกับ Aestox อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน และราคาจับต้องได้
BTXA : นอกจากโบท็อกจากประเทศเกาหลีแล้ว ยังมีโบท็อกจากฮ่องกงที่มีการนำเข้าในไทย จุดเด่นของยี่ห้อนี้คือราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่ายี่ห้ออื่น ๆ
CLODEW : มาถึงโบท็อกยี่ห้อสุดท้ายที่เป็นผู้ผลิตเดียวกับยี่ห้อ NABOTA ซึ่งหากใครชื่นชอบยี่ห้อ NABOTA ขอแนะนำยี่ห้อนี้ด้วยเช่นกัน เพราะมีจุดเด่นที่ออกฤทธิ์ไว บริสุทธิ์สูง แถมใครที่กำลังมองหาโบท็อกเกาหลี ยี่ห้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่แนะนำและน่าสนใจเช่นเดียวกันค่ะ
อันตรายจากการฉีดโบท็อกปลอม
อย่างไรก็ตามหากเลือกฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้ากับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มั่นใจว่าคนที่ฉีดเป็นหมอหรือไม่ แถมยังใช้โบท็อกปลอม ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ดึงยาต่อหน้า และไม่ให้กล่องกลับบ้าน อาจตามมาด้วยผลข้างเคียง เช่น ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังลิฟกรอบหน้า หรืออาจทำให้เกิดอาการปากเบี้ยว หนังตาตก คิ้วตก จากความไม่เสถียรของตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่สำคัญยังอาจทำให้เกิดอาการติดเชื้อหรือดื้อโบ แม้จะฉีดโบท็อกปลอมเพียงครั้งเดียวก็ตาม
สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า
ก่อนจะไปฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า หากอยากให้ผลลัพธ์ออกมาดูดี การเตรียมตัวก่อนไปฉีดโบท็อกก็สำคัญเหมือนกันนะคะ เพราะรมย์รวินท์อยากให้คุณดูดีเลยไม่พลาดที่จะเอาเคล็ดลับดี ๆ ที่ควรรู้ก่อนลิฟกรอบหน้ามาฝากค่ะ
ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ Botox ไม่ว่าจะยี่ห้อของโบท็อก การสังเกตโบท็อกของแท้ หรือแม้กระทั่งการดูแลตัวเองหลังฉีด เป็นต้น
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ก่อนฉีดโบท็อก 2 สัปดาห์ควรงดยา และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก หรือทำให้เกิดอาการช้ำง่าย เช่น แอสไพริน ยากลุ่ม NSAIDs อาหารเสริมใบแปะก๊วย น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า 1 วัน
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า
สำหรับขั้นตอนการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า มีดังต่อไปนี้
เข้าพูดคุยปัญหาที่กังวลกับแพทย์ โดยเฉพาะปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ต้องการให้กรอบหน้าชัด ใบหน้าดูมิติ หรือต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย เป็นต้น
แพทย์จะทำการประเมินบริเวณที่ต้องการฉีดว่าต้องใช้ปริมาณโบท็อกกี่ยูนิต
แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการฉีด และกำหนดจุดที่ต้องฉีดโบท็อก
หลังจากทำความสะอาด และกำหนดจุดฉีดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเริ่มทำการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า ซึ่งในระหว่างฉีดจะมีการประคบเย็นควบคู่ไปด้วย
เมื่อฉีดเสร็จเรียบร้อยแพทย์จะพูดคุยถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด จากนั้นคนไข้สามารถกลับบ้าน ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
หลังลิฟกรอบหน้าควรดูแลตนเองอย่างไร
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ตามระยะเวลาของฤทธิ์โบท็อก และไม่ให้หมดฤทธิ์เร็วก่อน อยากปังทั้งที ฉีดแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีเหมือนกัน วันนี้มาดูเคล็ดลับการดูแลตนเองหลังลิฟกรอบหน้าว่าควรดูแลอย่างไร
งดกด จับ ถู นวดคลึงบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้ามา
ในช่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ของการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าให้งดกิจกรรมที่มีความร้อน เช่น กิจกรรมกลางแจ้งที่ตากแดด การอบไอน้ำ ทำซาวน่า รวมไปถึงการเลเซอร์ผิวต่าง ๆ เป็นต้น
งดนอนราบใน 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า
2-3 วันแรกหลังฉีดโบท็อกแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ข้อดี – ข้อจำกัดในการลิฟกรอบหน้า
หลังจากได้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้ากันมาพอสมควรแล้ว เรามาดูข้อดีและข้อจำกัดของในการใช้โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้ากันบ้างดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ข้อดีในการลิฟกรอบหน้า
ช่วยให้บริเวณที่ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้ามีความกระชับขึ้น
ลดความหย่อนคล้อยของผิว
เพิ่มความคมชัดของกรอบหน้า ทำให้ดูใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
ถือเป็นการยกกระชับผิวที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้น หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
ข้อจำกัดในการลิฟกรอบหน้า
อาจจะต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อยกกระชับผิว เนื่องจากผลลัพธ์ของการลิฟกรอบหน้าอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Rejuran รีจูรันเกาหลี บูสเตอร์หน้าฉ่ำใส อันดับ 1
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลิฟกรอบหน้า
ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลิฟกรอบหน้า
1. ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าเจ็บไหม?
การโบท็อกลิฟกรอบหน้าโดยปกติแล้วจะไม่เจ็บมากค่ะ เพราะมีการประคบเย็นก่อนฉีดเสมอ อย่างไรก็ตามจะรู้สึกนิดหน่อยเวลาที่เดินตัวยาเข้าไปบริเวณที่ทำการลิฟติ้ง ซึ่งหากท่านใดคิดว่าอาจทนไม่ไหวสามารถขอทายาชาก่อนฉีดได้ค่ะ
2. ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า อยู่ได้กี่เดือน?
โดยผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าด้วยว่ามีการดูแลตนเองหลังฉีดอย่างไรบ้างค่ะ
3. ลิฟกรอบหน้า ใช้ปริมาณโบท็อกกี่ยูนิต?
ปกติแล้วจำนวนยูนิตของโบท็อกที่ใช้ในการลิฟกรอบหน้าจะใช้อยู่ที่ประมาณ 30-50 ยูนิต ซึ่งแต่ละคนอาจจะใช้ไม่เท่ากัน โดยจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ในเรื่องปริมาณโบท็อกซ์ที่ต้องใช้ก่อนฉีดด้วย
4. ผู้ชายลิฟกรอบหน้าได้ไหม?
ใครว่าผู้ชายจะฉีดโบลิฟกรอบหน้าไม่ได้ จริงๆ แล้วผู้ชายก็สามารถฉีดโบลิฟกรอบหน้าได้เช่นเดียวกันค่ะ โดยการฉีดลิฟกรอบหน้าของผู้ชายนั้นจะช่วยให้บริเวณ Jaw line มีความคมชัด ใบหน้าจะยิ่งดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เห็นแบบนี้แล้วใครที่ลังเลอยู่ต้องลองมาโบท็อกลิฟกรอบหน้ากันแล้วค่ะ
5. ลิฟกรอบหน้าทำคู่กับหัตการไหนดี?
โบลิฟกรอบหน้าทำเดี่ยว ๆ ก็ดูปัง ดูดีขึ้นแล้ว แต่ถ้ายิ่งทำควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกกรามก็จะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าไปอีกเท่าตัว โดยการฉีดโบท็อกกรามควบคู่กับการลิฟกรอบหน้าจะทำให้ผลลัพธ์ดูดีขึ้น เพราะด้วยใบหน้าที่ดูยกกระชับ กรอบหน้าชัดเจน ขนาดกรามเล็กลงก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจ หันมุมไหนก็สวย
สอบถามโปรโมชั่นทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี เพิ่มเติมได้ที่นี่ Line : @nabila
Comments